เทคโนโลยี VAR มีชื่อเต็มว่า Video Assistant Referee หรือเรียกง่ายๆ ว่า ผู้ช่วยผู้ตัดสินวิดีโอ คือการใช้ภาพวิดีโอเพื่อช่วยกรรมการในการตัดสินเกมเพื่อความแม่นยำและเป็นธรรม ซึ่งปกติถ้าหากไม่มี VAR ก็จะใช้การตัดสินของผู้ตัดสินหลักเพียงคนเดียว และการมี VAR เพิ่มเข้ามาจะทำให้มีผู้ตัดสินเพิ่มขึ้นมา 2 คนอยู่ในห้องเพื่อช่วยกันดูภาพช้า และทำงานร่วมกับผู้ตัดสินในสนาม ทำให้ผู้ตัดสินในสนามเหมือนมีผู้ช่วยซึ่งเป็นภาพซ้ำ หรือ ภาพช้า เพื่อไม่ให้ตัดสินผิดพลาด ซึ่งผู้ที่มีสิทธิ์ขอดูวิดีโอได้คือ ผู้ตัดสินที่ 1 และเจ้าหน้าที่ VAR ในห้องควบคุมเท่านั้น
กรณีใดบ้างที่จะสามารถใช้ VAR ได้
- กรณีลูกที่ได้ประตู มีการล้ำหน้าหรือไม่ หรือมีการฟาวล์ขึ้นก่อนหรือไม่
- กรณีจังหวะเหตุการณ์ในกรอบเขตโทษ ฟาวล์ในกรอบเขตโทษ หรือนอกกรอบเขตโทษ ฟาวล์หรือไม่ แฮนด์บอลหรือไม่
- กรณีจังหวะการให้ใบแดงโดยตรง
- กรณีให้ใบเหลือง / ใบแดง ผิดคน
ขั้นตอนการทำงานของ VAR
- เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้น ผู้ตัดสินจะแจ้ง VAR หรือ VAR จะแนะนำให้ผู้ตัดสินทราบ ว่าควรตรวจสอบหรือไม่
- VAR จะทำการศึกษาวิดีโอ และจะแจ้งไปให้ผู้ตัดสินทราบผ่านชุดหูฟัง ว่าวิดีโอเหตุการณ์นี้แสดงอะไร
- ก่อนการตัดสินใจ ผู้ตัดสินสามารถตรวจสอบภาพวิดีโอได้ที่ด้านข้างของสนาม หรือทำตามคำแนะนำของ VAR ซึ่งแล้วแต่ความเหมาะสมและดุลพินิจของผู้ตัดสินที่ 1
สรุป
VAR คือผู้ช่วยผู้ตัดสินวิดีโอ เพื่อช่วยให้กรรมการตัดสินเกมได้แม่นยำและเป็นธรรมมากขึ้น ซึ่งผู้ที่สามารถขอดู VAR ได้มีเพียงผู้ตัดสินที่ 1 และเจ้าหน้าที่ VAR ในห้องควบคุมเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยี VAR ถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้นโดยเฉพาะบนลีกสูงสุดของแต่ละประเทศ